พอล ป็อกบา และ อุสมาน เดมเบเล่ 2 นักเตะที่ตกเป็นเป้าหมายหลักในการเหยียดสีผิวในแมทช์ที่ทีมชาติรัสเซีย เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมชาติฝรั่งเศสในแมทช์กระชับมิตรช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ในช่วงที่ผ่านมานั้นสหพันธ์ฟุตบอลประเทศรัสเซียถูกทางฟีฟ่าหรือสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติปรับเป็นเงิน 30,000 ฟรังก์ สวิส หรือราว ๆ 25,000 ปอนด์ / 30,000 ดอลลาร์ หลังองค์กรฟุตบอลโลกได้ทำการลงมติถึงความผิดที่มีการเหยียดสีผิวเกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลแมทช์กระชับมิตรระหว่างทีมชาติรัสเซียและทีมชาติฝรั่งเศส ใน เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
ในการแข่งขันนั้นทางด้านของทีมชาติฝรั่งเศสเป็นฝ่ายชนะเจ้าบ้านฟุตบอลโลกปี 2018 ไปด้วยสกอร์ 3-1 ประตู ในขณะที่มิดฟิลด์คนเก่งจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง พอล ป็อกบา และหัวหอกจากยักษ์ใหญ่ บาร์เซโลน่า อย่าง อุสมาน เดมเบเล่ เป็นนักเตะที่โดนผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากเป็นคนผิวสี
ตามกระบวนการสอบสวนทางวินัย ฟีฟ่า ได้ออกมายืนยันแล้วว่าการกระทำที่เป็นความผิดนี้ “มีน้ำหนัก” และอยู่ในช่วงตรวจสอบว่ามีแฟนบอลที่เกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ก่อนที่จะทำการลงโทษทางวินัย
ประกาศจากทาง ฟีฟ่า นั้มนีเนื้อความว่า “ฟีฟ่า ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการกระทำที่ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อชาติ และชนชั้น รวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่ไม่ครอบคลุมและไม่สามารถจัดการกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างรัดกุม โดยกฎระเบียบที่กวดขันเรื่องนี้นั้นถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่ในปี 2015 แล้วทำให้ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติต้องทำการย้อนดูเทปบันทึกภาพของการแข่งขันทั้ง 871 แมทช์ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2018 นี้ เพื่อทำการตรวจสอบข้อผิดพลาดต่อไป”
“ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้หรือการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2018 ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติได้ทำการออกระเบียบปฏิบัติให้กับกรรมการผู้ตัดสินในสนามเพื่อใช้ในการยุติความวุ่นวายที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันซึ่งในนั้นจะมีทั้งหมด 3 ขั้นตอน”
ขณะที่เลขานุการใหญ่ของสหพันธ์ฟุตบอลกัวเตมาลา เอคเตอร์ ทรูจิลโญ่ ต้องโทษแบนไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟุตบอลไปตลอดชีวิตนอกจากนี้เขายังต้องเดินทางที่ศาลในสหรัฐอเมริกาเพื่อทำการเสียค่าปรับเป็นเงินจำนวนกว่า 200,000 ดอลลาร์ หลังจากที่ถูกตัดสินโทษซึ่งเหตุการณ์นี้มีความคล้ายคลึงกับกับกรณีล่าสุดของประเทศรัสเซีย