สวีเดน 0-2 อังกฤษ – แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ เดเล่ อัลลี พา อังกฤษ เข้าสู่รอบรองฯ

ทีมชาติ อังกฤษ จะผ่านเข้าไปพบกับผู้ชนะระหว่าง รัสเซีย หรือ โครเอเชีย ในฟุตบอลโลกรอบ 4 ทีมสุดท้ายที่กรุง มอสโก ในวันที่ 12 ก.ค. นี้

ประตูจาก 2 ลูกโหม่งของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ เดเล่ อัลลี พาทัพ “สิงโตคำราม” เอาชนะ สวีเดน ไปได้ 2 – 0 ทีมชาติ อังกฤษ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี โดยจะเข้าไปรอพบโครเอเชีย

สำหรับชัยชนะของ อังกฤษ ในเกมส์ฟุตบอลโลกรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เมือง ซามาร่า ที่พวเขาพบกับ สวีเดน นอกจากประตูในเกมส์นี้ที่เกิดขึ้นอีกผู้เล่นหนึ่งคนที่ได้รับคำชมคือ จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวารดาวรุ่งที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งนั้นเอง

เกมส์ในครึ่งแรกหลังจากบุกกันอย่างสนุกทีมชาติ อังกฤษ ก็ได้เฮก่อนในนาที 30 จากจังหวะลูกเตะมุมที่ แอชลีย์ ยัง เป็นคนเปิดก่อนจะเป็น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่เติมมาโขกบอลเต็มหัวตัดหน้า เอมิล ฟอสเบิร์ก บอลตุงตาข่ายไม่เหลือ อังกฤษ นำ 1 – 0 เป็นประตูแรกของเจ้าตัวในนามทีมชาติ อังกฤษ อีกด้วย

หลังจากนั้นในช่วงครึ่งหลัง อังกฤษ ก็มาได้ประตูออกนำห่างอีกครั้งในนาที 58 จากจังหวะที่พวหเขาได้ตั้งเกมส์บุกขึ้นมา และ เป็น เจสซี่ ลินการ์ด ที่ได้เปิดเข้าไปกรอบเขตโทษถึง เดเล่ อัลลี ที่เจิมมาบริเวณเสาสองโหม่งสวนตัว โรบิน โอลเซ่น เข้าไปไม่เหลือ อังกฤษ ออกนำ 2 – 0

ทั้งนี้สำหรับ จอร์แดน พิคฟอร์ด เกมส์นี้ถือว่ามีงานให้เจ้าตัวได้ทดสอบความเหนียวในหลายจังหวะ สุดท้ายเจ้าตัวก็สามารถเก็บคลีนชีตไปได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกในรายการนี้

ทั้งนี้ในเกมส์ครึ่งแรก อังกฤษ เกอบเป็นฝ่ายออกนำเพิ่มอีกในจังหวะของ แฮรี่ เคน ที่เติมมาเก็บตกบอลนอกกรอบเขตโทษแต่เจ้าต้วกลับยิงหลุดเสาออกไป โดยเกมส์นี้มีการวิเคราะห์กันว่าเป็นอีกครั้งที่ อังกฤษ ทำได้กับการเล่นลูกดเซ็ตพีซจนเป็นที่มาของประตูขึ้นนำของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ สามารถทำระตูแรกในนามทีมชาติของตัวเองได้นั้นเอง

ความจริงเกมส์นี้ อังกฤษ เกือบจะได้นำห่าง 2 – 0 ตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรกจากจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้จังหวะหลุดเข้าไปดวลเดี่ยวแต่ยังยิงไปติดเซฟ โอลเซ่น นายทวารสวีดิชไปอย่างน่าเสียดาย

ในช่วงครึ่งหลัง สวีเดน เกือบจะทำประตูตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะของขึ้นโหม่งของ มาร์คุส เบิร์ก ที่เอาชนะ แอชลีย์ ยัง ได้แต่บอลยังไม่ผ่านมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่กระโดดปัดออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม

จากนั้นในช่วงครึ่งหลัง สวีเดน ยังไม่ยอมแพ้หวังจะทำประตูตีไข่แตกให้ได้จากจังหวะลูก ฟรีคิกหน้าเขตโทษของ ลุดวิก ออกุสตินสัน แต่เจ้าตัวก็ยิงออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

ในเกมส์นี้ส่วนใหญ่เป็นทางด้านของ อังกฤษ ที่สามารถควบคุมเกมส์ไปได้เกือบทั้งหมดก่อนที่พวกเขาจะมาทำประตูหนีห่าง 2 – 0 จากลูกโหม่งของ เดเล่ อัลลี ที่เป็นการทำประตูที่ 3 ของตัวเองในนามทีมชาติของตัวเอง

สุดท้ายแล้วจบเกมส์ 90 นาทีไม่มีประตูเพิ่ม อังกฤษ ยังรักษาผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเอาชนะ สวีเดน ไป 2 – 0 เข้าไปรอบ 4 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปีตั้งแต่ศึก ยูโร ปี 1996 และ ศึกฟุตบอลโลกปี 1990