แฟนฟุตบอลสิงโตคำรามควรคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะไปรัสเซียเพื่อชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เพราะว่าทางทำเนียบขาวได้ออกมาเตือนว่าในรัสเซียมีการขับไล่แฟนบอลชาวอังกฤษ
ผู้บริหารอาวุโสของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาเผยอย่างเป็นทางการว่า สถานฑูตอังกฤษและสถานฑูตอเมริกาในรัสเซียอาจจะช่วยเหลือแฟนๆฟุตบอลไม่ได้ หลังจากมีคำสั่งออกมาให้กลับบ้านหลังจากที่พบว่ามีอาการป่วย และมีการวางยาพิษกิดขึ้นในรัฐเซีย
แฟนบอลที่มีอาการป่วยต้องถูกส่งกลับบ้านอย่างเร่งด่วน พวกเขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร เจ้าหน้าที่คนหนึ่งออกมาแจ้งเตือน
พวกเขายังแจ้งต่ออีกว่า กาต่อต้านแฟนบอลชาวอังกฤษและชาวอเมริกันนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งสถานฑูตทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างก็ได้รับความเสียหายจากผลกระทบในครั้งนี้
คำเตือนเหล่านี้มีออกเตือนเพียง 2 เดือน ล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ในประเทษรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะมีแฟนบอลอังกฤษราวๆ 10,000 คน ที่จะมารัสเซียเพื่อเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้
ความตึงเครียดระหว่างชนชาติตะวันตกและรัสเซียเพิ่มขึ้นเมื่อผู้แทนรัสเซียสองคนและลูกสาวของเขานั้นถูกวางยาพิษเมื่อเดือนที่แล้ว
รัสเซียได้ไล่ฑูตของอังกฤษ 23 คน และอเมริกาอีก 60 คน รวมถึงคนที่ทำงานในสถานฑูตอีกด้วย ซึ่งเหตุการนี้ทำให้นักการฑูตของรัสเซียที่ประเทศอื่นๆก็ถูกขับไล่เช่นเดียวกัน
เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายบริหารของอเมริกาได้ออกมาประกาศ แนะนำว่าแฟนบอลชาวอังกฤาและชาวอเมริกันที่ต้องการจะไปชมการแข่งขันฟุตบอลโลกควรจะคิดให้รอบคอบเสียก่อน
“เราไม่มีอำนาจที่จะคุ้มครองประชาชนของเราได้เหมือนเดิม”
เมื่อถามถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ถ้าหากว่าพวกคุณต้องประสบกับปัญหาใดๆ เราก็อาจจะช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่”
“เราคงไม่ได้พูดว่านี่คือเรื่องใหญ่ แต่นี่ก็คือเรื่องที่น่าวิตกกังวล”
“เรากำลังทำงานร่วมกับทางรัสเซียเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายในงานสำคัญใหญ่ๆต่างๆ ในทุกๆประเทศ”
“แต่เราก็ถูกลดอำนาจในการเจรจากับทางรัสเซีย ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน สำหรับคนอังกฤษ ผมคิดว่านี่คือเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะอังกฤษแข่งแกร่งในกีฬาฟุตบอล และจะมีแฟนบอลคอยสนับสนุนอยู่เสมอในทุกๆที่”
“ในตอนนี้แฟนบอลชาวอังกฤษซื้อตั๋วไปแล้ว 28,000 ใบ ซึ่งมากกว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี 2014 ที่บราซิล”
มีการปะทะกันระหว่างแฟนบอลเมื่อครั้งปข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส
บอริส จอห์นสัน เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศได้กล่าวว่า เขาไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า “การช่วยเหลือประชาชนอังกฤษที่พึ่งจะถูกขับไล่ออกจากรัสเซียเมื่อไม่นานมานี้”